Welcome to my blog, hope you enjoy reading
RSS

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

10 แนวโน้มด้านการบริหารจัดการไอทีในอีก 5 ปีข้างหน้า

แนวโน้มที่กำลังส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง พื้นฐานทางเทคโนโลยีในอีก 5 ปีข้างหน้า มีอะไรบ้างที่ฝ่ายไอที และผู้ใช้จะต้องหาทางควบคุมเทคโนโลยีเหล่านั้น

นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมของการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ผู้ใช้จะมีความสามารถมากขึ้นในการหลบเลี่ยงการป้องกันของระบบไอทีเพื่ออกสู่ โลกของเครือข่ายสังคม การพัฒนาแอพพลิเคชันด้วยมัชอัพ และการจัดการธุรกิจบนอุปกรณ์มือถือ

อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน ไอทีก็จะมีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ไคลเอ็นต์เวอร์ชวลไลเซชันมากใช้งาน ซึ่งไคลเอ็นต์แบบเสมือนที่ถูกบริหารจัดการจากศูนย์กลางนี้จะนำมาซึ่งเป้า หมายใหม่ในการใช้งานระบบได้ตามความต้องการที่แท้จริงDavid Cappuccio หัวหน้าผู้บริหารฝ่ายวิจัยของทีมโครงสร้างพื้นฐานที่การ์ทเนอร์กล่าว


“นั่น เป็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงานมากว่าเรื่องของเทคโนโลยี” Ted Meisky ผู้ช่วยผู้อำนวนการฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของ Ohio Public Employees Retirement System ที่มีการผลักดันการทำ ไคลเอ็นต์เวอร์ชวลไลเซชัน

นอกจากนี้ทั้ง Meisky และ Cappuccio ยังเห็นว่าการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อมแบบเวอร์ชวลนี้จะเป็นตัว เร่งให้มีการเลิกใช้เซิร์ฟเวอร์ปกติเร็วขึ้น

การ์ทเนอร์ยังระบุว่า “พลังงาน” เป็นปัญหาที่ผู้ใช้เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน และจะได้ยินคำถามเกี่ยวกับวิธีการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าบ่อยครั้งขึ้น

ไคลเอ็นต์เวอร์ชวลไลเซชันจึงเป็นแนวโน้มอันดับแรก ส่วนแนวโน้มอื่นๆ ของการ์ทเนอร์จัดไว้อีก 9 อันดับ ประกอบด้วย

* อันดับที่ 2 : ในอีก 5 ปีข้างหน้า ปริมาณข้อมูลขององค์กรจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 650 โดยที่ข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้าง หรือไม่ถูกนำไปจัดเก็บไว้ในฐานมูลใดๆ Cappuccio “ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกมากหากไม่มีวิธีการ จัดการที่ดีพอ” วิธีการลดปริมาณข้อมูลจะหมายถึงการนำเอาวิธีการต่างๆ มาใช้ อาทิ การลดการจัดเก็บข้อมูลที่มีความซ้ำซ้อนกัน และการใช้หน่วยจัดเก็บข้อมูลที่มีการพ่วงต่อเป็นลำดับชั้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยย้ายข้อมูลที่ไม่ค่อยถูกเรียกใช้งานไปไว้บนระบบจัดเก็บข้อมูลที่ มีราคาถูกกว่าโดยอิงกับความเสี่ยง และความต้องการข้อมูลขององค์กร

* อันดับที่ 3 : กรีนไอทีจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของประสิทธิภาพ และทำให้องค์กรต่างๆ คำนึงถึงวิธีการใช้งานระบบไอที และค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ตามมา Cappuccio กล่าวว่า ในอดีตนั้นกรณีนี้ส่วนใหญ่แล้วผู้จัดการด้านไอทีจะไม่สามารถพูดได้ เพราะค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของฝ่ายไอทีมักถูกจ่ายรวมไปกับงบประมาณด้านสิ่ง อำนวยความสะดวก ซึ่งในอนาคตจะเห็นการแยกค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของฝ่ายไอทีออกจากฝ่ายอาคาร สถานที่เกิดมากขึ้น

* อันดับที่ 4 : แนวโน้มที่ตามมากับกรีนไอทีก็คือการติดตามทรัพยากรที่มีความซับซ้อนสูงขึ้น โดยใช้เครื่องมือสำหรับการเฝ้าดูระดับการใช้พลังงาน รวมทั้งจัดการการใช้งานพลังงานให้ได้ประโยชน์สูงสุดโดยอัตโนมัติ “แทนที่จะดูแค่ประสิทธิภาพของระบบ ก็หันมาดูเรื่องของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น“ Cappuccio กล่าว

* อันดับที่ 5 : องค์กรต่างๆ จะเริ่มตระหนักว่าถ้าคุณไม่ยอมให้ในที่ทำงานใช้ Wikis, Twitter หรือ Facebook ในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ “คนก็จะหาทางใช้งานมันอยู่ดี ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” Cappuccio แนะนำว่าทางทีดีควรมีการสร้างกฎเกณฑ์ในการใช้งาน การเฝ้าดู และการเข้าไปมีส่วนร่วมโดยอาจนำเอาแนวคิดดังกล่าวมาใช้ภายในเว็บไซต์ของ องค์กรก่อนก็ได้

* อันดับที่ 6 : องค์กรต่างๆ จะพยายามรวมระบบการติดต่อสื่อสารของตนเองเข้าเป็นหนึ่งเดียวให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารผ่านเว็บ เครือข่ายสังคม และแพลตฟอร์มอื่นๆ “แต่เราก็ต้องมีการควบคุมทิศทางของการรวมระบบเหล่านี้บ้างพอสมควร” Cappuccio กล่าว

* อันดับที่ 7 : มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ใช้ประโยชน์จากแอพพลิเคชันต่างๆ บนอุปกรณ์แบบพกพา และแอพพลิเคชันสำหรับการใช้งานแบบไร้สายที่มีทั้งให้บริการฟรี หรือมีราคาในระดับที่ไม่แพงมากนัก “ผู้คนจะใช้อุปกรณ์มือถือเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขากำลังเรียกร้องหาแอพพลิเคชัน และต้องการมันเดี๋ยวนี้ด้วย” Cappuccio กล่าว แต่ผู้ใช้เหล่านี้ก็ไม่สนใจที่หรอกว่าฝ่ายไอทีจะให้บริการในลักษณะดังกล่าว นี้ได้ภายในอีกหกเดือนข้างหน้าหรือไม่

* อันดับที่ 8 : ภายใน 3 ปี ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสำหรับเซิร์ฟเวอร์จะแซงหน้าค่าใช้จ่ายในการซื้อ เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งมันจะช่วยนำไปสู่แนวคิดในการสร้างสิ่งที่เกิดจากความต้องการที่แท้จริง ของคุณในศูนย์ข้อมูล ฮาร์ดแวร์ในรูปแบบของเบลดจะนำไปสู่การสร้างเซิร์ฟเวอร์แบบประกอบเป็นชิ้น ส่วน ซึ่งเป็นการติดตั้งทรัพยากรต่างๆ ตามความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็น หน่วยจัดเก็บข้อมูล โพรเซสเซอร์ หรือ I/O เป็นต้น “แนวคิดนี้จะถูกนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลมากขึ้น” Cappuccio กล่าว

* อันดับที่ 9 : นอกจากนี้ฝ่ายไอทียังต้องจัดการกับมัชอัพที่ผู้ใช้สร้างขึ้นมาเองด้วย Cappuccio เตือนว่า “หากเราไม่ระมัดระวัง สิ่งเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้ในทางบ้าๆ บอๆ ซึ่งไม่ก่อประโยชน์ใดๆ ต่อองค์กรก็เป็นได้”

* อันดับที่ 10 : คลาวด์คอมพิวติง โดยเฉพาะไพรเวทคลาวด์จะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับการตัดสินใจเกี่ยวกับ การเลือกใช้เทคโนโลยี เนื่องจากมันได้เปลี่ยนระบบไอทีให้มาอยู่ในรูปของชุดบริการไปแล้ว “ถ้าคุณทำอย่างนั้นได้ มันก็จะช่วยให้ฝ่ายไอทีมีเวลาในการตัดสินใจได้ว่าควรซื้อหาเทคโนโลยีอะไรมา ใช้งานเมื่อไหร่” Cappuccio กล่าว “พับลิกคลาวด์มีแนวโน้มว่าจะโตช้ากว่าไพรเวทคลาวด์”





ที่มา : http://www.c4zone.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=87:-5-&catid=38:world-news&Itemid=88

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น