Welcome to my blog, hope you enjoy reading
RSS

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เด็กไทยในยุคสังคมดิจิตอล

กุลกนิษฐ์ คุณาธิกรกิจ*

ในโลกปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด สิ่งหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนทุกๆ คนอย่างเห็นได้ชัดคือเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือที่คนทั่ว ๆ ไปเรียกกันสั้นๆ ว่าไอที(IT)เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วยเทคโนโลยีสำคัญสองสาขาคือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์(Computer Technology) และเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication Technology) ซึ่งพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้คนทุกๆ คนไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดต้องหันมาปรับปรุงกลไกในชีวิตของตนให้ทันต่อสังคมสารสนเทศ เพื่อให้ทันต่อกระแสโลก จากแนวโน้มสภาวะทางเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โครงสร้างทางสังคมจึงก้าวเข้าสู่สังคมดิจิตอล (Digital Society) ซึ่งเป็นสังคมแห่งความรอบรู้ (Knowledge Base Society) และภูมิปัญญา มีการใช้ภูมิปัญญาและความรู้ในการดำเนินการในในด้านต่างๆ กันมากขึ้น

สังคมดิจิตอล (Digital Society) จึงเป็นสังคมที่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิตอล คอมพิวเตอร์
ซอฟท์แวร์ที่เชื่อมโยงการใช้ข้อมูลข่าวสาร เครือข่ายสื่อสารดิจิตอล ในยุคสังคมดิจิตอลนี้เทคโนโลยี
สารสนเทศ และระบบการสื่อสารโทรคมนาคมได้ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แหล่งความรู้มีอยู่มากมายและกระจัดกระจาย และมีสื่อต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายเช่นกัน รูปแบบของการเรียนรู้มีความ
หลากหลายขึ้น มีการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต (Internet) มีสินค้าและบริการทางด้าน
ดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบริการข่าวสาร หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิคส์ ซีดี และสื่อต่าง ๆ ที่ส่งผ่านเครือข่าย มีการรับส่งแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันอย่างอัตโนมัติ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในห้องเรียน ในมหาวิทยาลัย บ้านที่อยู่อาศัย องค์กร และสถานที่ต่าง ก็อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิคส์ หรือแบบออนไลน์มากขึ้น


อาจารย์ประจำ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร

เด็ก ๆ ในยุคนี้จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการเรียนรู้ตั้งแต่เล็ก ๆ ส่วนหนึ่งนั้นเป็นผลมา
จากแรงผลักดันของอินเตอร์เน็ต เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม รวมทั้งขีดความสามารถของเครื่อง
คอมพิวเตอร์ที่สูงขึ้น สถาบันการศึกษาหลาย ๆ แห่งได้มีการวางพื้นฐานในเรื่องของเทคโนโลยีดังกล่าว
ตั้งแต่ในวัยอนุบาล อย่างเช่นโรงเรียนอนุบาลบางแห่งมีการสอนคอมพิวเตอร์สำหรับเด็ก เด็กเล็ก ๆ จำนวนมากในปัจจุบันจึงรู้จักเครื่องคอมพิวเตอร์ และเรื่องของอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างดี โดยที่ยังไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคอมพิวเตอร์มีประโยชน์อย่างไร และอินเตอร์เน็ตคืออะไร แต่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าอินเตอร์เน็ตได้ หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ เองไม่ว่าจะเป็นภายในบ้านหรือนอกบ้าน เด็ก ๆ ก็จะเห็นแต่อุปกรณ์เครื่องใช้ที่เป็นระบบอัตโนมัติหรือระบบดิจิตอลแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นโทรทัศน์เครื่องเล่นวีซีดี และดีวีดี เครื่องเล่นวิทยุ โทรศัพท์ไร้สาย โทรศัพท์มือถือ เครื่องปรับอากาศ พัดลม ลิฟท์ เป็นต้น เทคโนโลยีสมัยใหม่นี้เปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้าน มีทั้งคุณและโทษ โดยเฉพาะในเรื่องของอินเตอร์เน็ต คุณประโยชน์ของอินเตอร์เน็ตนั้นเด็ก และเยาวชน สามารถใช้อินเตอร์เน็ต เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน ซึ่งมีหลายโรงเรียนบังคับให้เด็กส่งการบ้านผ่านอินเตอร์เน็ต และบางครั้งให้หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต เพื่อกระตุ้นให้เด็กคุ้นเคยกับ การใช้อินเตอร์เน็ต และยังทำให้เด็กเรียนรู้จากโลกกว้างได้ด้วยโดยไม่จำกัดการเรียนให้อยู่แต่ในชั้นเรียนเท่านั้น แม้ว่าปัจจุบันการใช้งานจริงสำหรับการเรียน ในระดับประถม มัธยมยังไม่มากนักแต่เชื่อได้ว่าแนวโน้มต่อไปต้องใช้อินเตอร์เน็ต และในที่สุดมันจะกลายเป็น เครื่องมือสำคัญในการเรียนการสอนอย่างที่ตอนนี้อินเตอร์เน็ตได้กลายเป็นเครื่องมือจำเป็นในการเรียนระดับมหาวิทยาลัยไปแล้วส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นก็เป็นภัยของอินเตอร์เน็ตที่เราได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟังอยู่เป็นประจำ คุณพ่อ คุณแม่หรือผู้ปกครองของเด็ก และเยาวชน พึงต้องระวังการใช้อินเตอร์เน็ตของเด็ก และเยาวชน ซึ่งเต็มไปด้วยสื่อลามก ภาพอนาจาร การหลอกลวง ซึ่งอาจนำไปสู่การข่มขืนหรือแม้แต่อาชญากรรมดังเช่นข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์อยู่เป็นประจำ นี่เป็นเพียงด้านมืดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ที่บรรดาคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายอาจนึกไม่ถึงหรือมองข้ามมันไป คุณพ่อคุณแม่ส่วนมากซื้อคอมพิวเตอร์และติดอินเตอร์เน็ตให้ลูกแล้ว แรก ๆ ก็อาจจะสนใจดูลูกเล่นคอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ตบ้าง แต่พอช่วงเวลาหนึ่งผ่านไปก็อาจไม่ได้ใส่ใจว่าลูกกำลังนั่งพิมพ์งาน ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมอยู่ แต่ที่ไหนได้เขาอาจกำลังนั่งดูภาพอนาจารในเว็บโป๊ ดูหนังซีดีลามก หรือกำลังคุยเรื่องเพศกับคนในอินเตอร์เน็ตอยู่ก็ได้ จึงควรที่คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายจะต้องใส่ใจและหาวิธีการป้องกันเด็ก ๆ ให้ห่างจากสิ่งเหล่านี้เริ่มจากการจัดวางคอมพิวเตอร์ สถานที่สำหรับตั้งคอมพิวเตอร์นั้น ไม่ควรวางไว้ในห้องส่วนตัวหรือห้องนอนของเด็ก ๆ เพราะคุณพ่อคุณแม่จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาใช้คอมพิวเตอร์ทำอะไร ทางที่ดีควรจัดวางไว้ให้ห้องรับแขกหรือห้องส่วนรวมของบ้าน และไม่ควรหันหน้าจอคอมพิวเตอร์เข้าด้านผนังห้อง ควรหันหน้าจอออกมาทางด้านนอก เพื่อที่ว่าเวลาเด็ก ๆ ใช้คอมพิวเตอร์ทำอะไรก็ยังอยู่ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่นอกจากนี้ควรอธิบายให้เด็ก ๆ เข้าใจ ถึงสิ่งที่ดีและไม่ดีที่อยู่ในโลกของอินเตอร์เน็ต สอนให้เขา
รู้จักแยกแยะให้ออกว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนที่ควรหลีกเลี่ยง คุณพ่อคุณแม่ต้องทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่าคุสามารถ
เชื่อใจและไว้ใจเขาได้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ควรทำให้เขารู้สึกว่ากำลังถูกจ้องจับผิด เพราะนั่นจะทำให้เขารู้สึกต่อต้านและยิ่งตีตัวออกห่างจากคุณพ่อคุณแม่มากยิ่งขึ้น จึงควรหมั่นเอาใจใส่เด็ก ๆ ให้ความรัก ให้เวลา และให้คำปรึกษากับเขาได้ในทุกเรื่อง สิ่งเหล่านี้จะเป็นเหมือนเกราะป้องกันตัวไม่ให้เขาไปลุ่มหลงมัวเมากับสิ่งยั่วยุในอินเตอร์เน็ตได้ ภัยร้ายในอินเตอร์เน็ตยังมีอีกมากมาย และไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายทั้งหมด แต่กลับจะมีคุณค่าและประโยชน์มหาศาลเสียด้วยซ้ำ หากว่าเราใช้มันเป็นโลกในยุคปัจจุบันกำลังเข้าสู่ยุคสังคมดิจิตอล (Digital Society) เป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมใหม่ จึงต้องวางแนวทางหรือปรับสังคมใหม่นี้ให้เป็นสังคมและชุมชนที่ก้าวหน้าทางวิทยาการที่คนในสังคมสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารกับชีวิตประจำวัน ในการเรียน การทำงาน การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิคส์ และความบันเทิง เป็นการใช้พลังแห่งเทคโนโลยีในการเผยแพร่ และการถ่ายเทความรู้ทำให้เกิดการสื่อสารโต้ตอบสองทางอย่างทั่วถึง ก่อให้เกิดการเรียนรู้ใหม่เกิดขึ้นในทุกสังคมโดยพร้อมเพียงกันทั้งระบบ และลดช่องว่างแห่งความคิดความเข้าใจซึ่งนำไปสู่ความแพร่กระจายองค์ความรู้และข้อมูลอย่างทั่วถึง

ที่มา : http://www.mbs.mut.ac.th/paper/pdf/28.pdf

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น